ทริปมวกเหล็ก - ปากช่อง ปีใหม่ 2016 ( Part 1 ) : น้ำตกเจ็ดสาวน้อย , ร้าน Route 2089 , เขื่อนป่าสัก
ข้อมูลทริป
วันที่ 31 ธันวาคม 2558 - 1 มกราคม 2559
สถานที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี , เขื่อนป่าสัก จ.ลพบุรี , อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เดินทางโดย มอเตอร์ไซค์ Honda Super Cub 110i
ระยะห่าง กรุงเทพฯ-ปากช่อง ประมาณ 200 กิโล
ระยะทางในการเดินทางโดยรวมตลอดทริป ประมาณ 500 กิโล
ค่าที่พัก คืนละ 1,500 บาท ต่อ 2 คน
ค่าน้ำมันในการเดินทางไปกลับ ประมาณ 350 บาท
ค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ในทริปนี้คนละ 100 บาท (Primo Piazza) ที่เหลือเข้าฟรี
งบประมาณค่าใช้จ่ายโดยรวม เฉลี่ย คนละ 1,700 บาท
--------------
สวัสดีค่ะ ทริปปีใหม่ครั้งนี้ Mumu กับ N จะพาขึ้นไปทางเหนือนิดๆ ด้วยเจ้าจิ๋ว Honda Super Cub สายทัวร์ริ่ง โฮมเมด ไทยประดิษฐ์ รถทัวร์ริ่งประหยัดน้ำมัน นั่งสบาย มีเบาะพิงหลัง มีบังลม ตัวเล็กซอกแซกรถติดเก่ง อิอิ
ด้วยความที่เป็นทริปในช่วงปีใหม่...แน่นอนว่า กรุงเทพฯขาออก รถจะติดมากๆ พวกเราจึงต้องวางแผนตื่นกันตั้งแต่ ตี 4 ตี 5 และรีบชิ่งออกมา แต่ไม่วาย โผล่มาเจอรถติดจนได้ 555
จุดพักรถแรกยามเช้า วันนี้ท้องฟ้าสวยมากๆ
ถ่ายคู่กันรูปแรกของทริปนี้
อากาศที่สระบุรี หนาวเย็นมากๆ น่าจะ 22-26 องศา
เส้นทางมวกเหล็ก-ปากช่อง เป็นเส้นทางที่ขับสนุกมาก
ของเล่นใหม่ประจำทริปนี้ ไม้เซลฟี่ สำหรับการถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอบนรถอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะรถติดในช่วงขาออกกรุงเทพฯ แต่โชคดีที่เราคือรถมอเตอร์ไซค์จิ๋ว ผู้ชำนาญการซอกแซก จึงทำให้ขับไหลมาได้เรื่อยๆ ไม่เสียเวลาจนเกินไป
พวกเราเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ตอนราวๆ 8 โมงเช้า รวมเวลาทั้งสิ้นในการเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง
เราวางแผนกันว่า เมื่อมาที่มวกเหล็ก เราจะต้องรีบไปดู "อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย" ซะก่อน เพราะพวสถานที่ทางธรรมชาติจะสวยที่สุดในตอนเช้าๆ แดดไม่ร้อน ยังไม่ค่อยมีคน บรรยากาศดีสุดๆ
อันที่จริง เรากับ N เคยมานอนเต๊นท์ที่นี่กันหลายครั้งแล้ว จึงรู้ว่าตอนเช้าๆที่นี่สวยแค่ไหน พวกเรามาเที่ยวหลายรอบแล้วก็ยังชอบที่จะมาที่นี่อีก ถ้าใครอยากเล่นน้ำตกสวยๆใกล้กรุง ขับรถ 2 ชั่วโมงเศษๆก็ถึงแล้วล่ะ แนะนำให้มาจองที่ ปูเสื่อกันก่อนเที่ยง เพราะช่วงบ่ายคนเยอะสุดๆไปเลย น้ำจะขุ่น เสียงจะดังวุ่นวาย
อ้อ... อย่าลืมว่าที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติ เค้าห้ามเอาเหล้าเบียร์เข้ามากินนะจ๊ะ ถ้าอยากจะกินเหล้าเบียร์ ให้ขับอ้อมไปดูพวกร้านอาหารริมน้ำตก ที่อยู่ถัดจากอุทยานไปนะ
Waning : อาหารร้านค้าที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ส่วนมากจะไม่อร่อยแล้วยังแพงอีกต่างหาก ควรหาซื้อของกินจากที่อื่นจะคุ้มค่ามากกว่า
เมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย
N กับมอเตอร์ไซค์จิ๋ว
ถ่ายบ้าง
ถ่ายด้วยไม้วิเศษ
ป้ายอุทยาน บริเวณด้านหน้าน้ำตก
รอบนี้พวกเราไม่ได้มาเล่นน้ำ เพราะขี้เกียจเปลี่ยนชุด
มาเพื่อนั่งชมบรรยากาศสวยๆแค่นี้ก็ฟินสุดๆแล้ว
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จะสวยแค่ไหน ดูรูปซะก่อน ของจริงยังสวยได้มากกว่านี้อีกนะ
น้ำเป็นสีเขียว ใสสุดๆ เห็นปลาเต็มเลย อากาศหนาวมากด้วย
น่าเล่นสุดๆ แต่ขอบอกว่าน้ำเย็นเจี๊ยบ !!
บรรยากาศร่มรื่นสวยงามมากๆ ตอน 8-9โมง แทบไม่มีคน
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังสวย
น้ำสีเขียว ใสสะอาดมากๆ ขนาดหน้าหนาว น้ำยังเยอะ
ธรรมชาติสวยสุดๆ ถ่ายด้วยกล้องมือถือยังขนาดนี้ กล้องเลนส์จะสวยขนาดไหน
น้ำตกชั้นนี่น่าเช่นมากๆ สวยงามสุดๆไปเลย
แค่ฟังเสียงน้ำตก จิตใจก็สงบผ่อนคลายไปด้วย
จากนั้นราวๆ 10 โมง ก็รีบเดินทางออกมาจากน้ำตก เพื่อไปเที่ยวในที่ต่อไปก่อนที่แดดจะร้อน
เฮ้ย...แกะ!!...น่ารัก!!
พอดีขับรถผ่าน มวกเหล็กก็มีฟาร์มแกะแล้วนะ มีแกะออกมานอกรั้วด้วย
ท้องฟ้าสวย อากาศเย็น ภูเขามากมาย
แวะมากินข้าวที่ตัวอำเภอมวกเหล็ก บริเวณหอนาฬิกา
ออกเดินทางต่อ ผ่านทุ่งหญ้าเขียว ภูเขาสวย แวะถ่ายซะหน่อย
ผู้ให้กำเนิด ร้าน Route 2089 เป็นชาวออสเตรเลีย ผู้เคยมาออกทริปท่องเที่ยวที่มวกเหล็ก แล้วเกิดติดใจ เนื่องจากมวกเหล็กมีเส้นทางถนนคดเคี้ยว ขึ้น-ลงเนิน ทำให้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้สนุก และมีธรรมชาติที่สวยงาม เจ้าของร้านจึงสร้างจุดนัดพบของคนรักมอเตอร์ไซค์ขึ้นที่ถนน 2089 แห่งนี้
ปัจจุบัน ร้าน Route 2089 ได้เปลี่ยนเจ้าของให้คนไทยได้เช่าพื้นที่และทำบริหารร้านต่อ แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์บิ๊กไบค์เหมือนเดิม มีชาวสองล้อทุกประเภททุก cc แวะเวียนมาที่นี่อยู่เสมอ
เมื่อเดินเข้าร้านมา แล้วหันหลัง เงยหน้าขึ้น มองเหนือชัตเตอร์ประตูหน้า " Ride Hard or Go home"
ไม่แน่ใจว่า เป็น Honda C100 หรือ C200 Pushrod
ดูกันเพลินๆ
เอามอเตอร์ไซค์ขึ้นไปผูกตกแต่งแบบนั้น สุดยอดไปเลย
ริมระเบียงหลังร้านตรงนี้ บรรยากาศดีสุดๆ ลมเย็น ภูเขาสวยมาก มองเห็นคอกม้าด้วย
รสชาติกาแฟและเครื่องดื่มของที่นี่ก็อร่อยสุดๆ แถมยังราคาไม่แพง แค่ 50-60 บาทเท่านั้น
มีเบียร์ด้วยนะ
เช็คอินได้ส่วนลดด้วย
อาหารราคาโอเค ไม่แพงเกินไป สำหรับร้านกาแฟบริการสุดหรู
สั่งชามะนาวกับชาพีช แก้วละ 45 บาท อร่อยสุดๆ กลมกล่อม ไม่มีที่ไหนเหมือน
จิบชาไป อ่านแม็กกาซีนมอเตอร์ไซค์ไป
การพักผ่อนเล็กๆ ในร้านเล็กๆ ของ Biker
มีกลุ่มเวสป้ามาที่ร้านพอดีในช่วงที่เราไป
มีส่วนของธรุกิจเสริม Benjamin oil health center อยู่ติดกันกับร้านกาแฟ
อันนี้ถ่ายให้ดูรวมๆ ให้เห็นป้ายบอกเวลาเปิดปิดของร้าน Route 2089 ด้วย
---------------
จากนั้นพวกเราเดินเข้าที่พัก "บ้านไร่เครือวัลย์" ซึ่งอยู่ถัดไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร ตรงนี้เองที่ทำให้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ขอท้าวความก่อนว่า ส่วนใหญ่เรากับ N จะโทรไปจองที่พักล่วงหน้าทุกครั้งก่อนออกทริป
ในครั้งนี้ เราได้เลือกโทรไปจองที่ "บ้านไร่เครือวัลย์" ตั้งแต่ 2 อาทิตย์ก่อนออกเดินทาง
เราได้ห้องพักธรรมดา แอร์ ในราคา 1,200 บาท โอนเงินมัดจำล่วงหน้า 500 บาท ในโทรศัพท์
พนักงานได้แจ้งว่าในคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะมีการจัดงานปีใหม่ และขอเชิญให้เราเข้าร่วมด้วย แต่ทางเราก็คิดว่าจะไม่ได้ไปเข้าร่วม เพราะอยากจะพักผ่อนในห้องมากกว่า
จนกระทั่งเวลาประมาณ บ่ายโมง พวกเราเดินทางไปถึงบริเวณด้านหน้าของ"บ้านไร่เครือวัลย์" ทางเข้าที่นี่ค่อนข้างแย่มาก ถนนแย่ หาป้ายบอกทางลำบาก ต้องวนรถอยู่นานพอสมควรจึงจะหาเคาเตอร์เช็คอินเจอ
ในที่สุด เราก็หาเคาเตอร์เช็คอินเจอ และจ่ายเงินค่าห้องส่วนที่เหลือทั้งหมด รวมถึงค่ามัดจำกุญแจ 500 บาท แต่สิ่งที่ทำให้เราอึ้งที่สุดก็คือ ....
พนักงานพูดว่า ....
"เอาของขวัญจับสลากราคา 500 บาท มาหรือเปล่า? ...
อ้าว...ไม่รู้เหรอ ก็บอกทุกคนในโทรศัพท์ไปหมดแล้วนะ นี่เป็นไฟลท์บังคับ
ทุกคนที่มาพักที่นี่ในคืนปีใหม่ต้องเอาของขวัญมูลค่า 500 บาทมาจับสลากในงานปีใหม่คืนนี้
จะซื้อเองหรือจะให้ทางเราซื้อให้? ถ้าจะให้ทางเราซื้อให้ก็เอาเงินมา 600 บาท"
เรากับ N ก็งงแบบสุดๆ ไม่เคยได้ยินเลยในโทรศัพท์ว่าจะต้องเอาของขวัญมูลค่า 500 บาทมาร่วมงาน
เพราะถ้ารู้ว่าจะมีการบังคับกันแบบนี้ตั้งแต่แรก "เราจะไม่พักที่นี่อย่างแน่นอน!!!"
นอกจากนี้ การพูดจาของพนักงาน มารยาทค่อนข้างแย่มาก ทำอย่างกับเราต้องไปขอร้องอ้อนวอนเค้าเพื่อจะขอพัก มีอย่างที่ไหนมาพูดกับแขกว่า "นี่เป็นไฟลท์บังคับ" ก็เราตั้งใจจะมาออกทริปเฉยๆมีอย่างที่ไหนมาบังคับพวกเราเข้าร่วมงานปีใหม่ คือเราจะไปเที่ยวที่อื่นไม่ได้เหรอ!!!!!
เราก็ถามนะ ..."งานปีใหม่ อาหารฟรีหรือเปล่า หรือต้องจ่ายเอง?"
"ต้องจ่ายค่าอาหารเองค่ะ เป็นอาหารตามสั่ง" พนักงานตอบแบบเจื่อนๆ...
อ้าว อีเวร...หลอกหากินกับแขกที่พักง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ???
บังคับกูเอาของขวัญมาไม่พอ.... ยังบังคับให้กูแดกอาหารของรีสอร์ทมึงอีก ...
คือ กูพักกับมึงคืนนี้ ...มึงห้ามกูไปเที่ยวที่อื่น... ไปแดกที่อื่นเหรอ????
เราก็คิดนะว่า "ถ้ากูไม่ยอมเอาของขวัญมาจับสลากคืนนี้ มึงจะลากกูออกจากห้องพักเหรอวะคะ??"
คือกูไม่ได้อยากได้ของขวัญเลยแม้แต่น้อย!!!! และไม่ได้อยากเข้าร่วมเล่นเกมอะไร...กูอยากได้ที่ซุกหัวนอนเฉยๆ!!
(หมายเหตุ เพื่ออรรถรสในการบรรยาย อาจมีคำไม่สุภาพ ขออภัย)
ค่าห้อง 1,200 ค่าของขวัญ 500....1,200+500 = 1,700 โอ้โห...งบนี้ไปอยู่ที่พักสวยๆบริการดีๆได้เลยนะนั่น....
ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่อยากจะสุงสิงอะไร จึงรีบๆเข้าห้องพักไป ดูห้องพักก็สมราคา รูปในเน็ตสวย แต่ของจริงก็โทรมๆบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ห้องประมาณ 1,000 บาทเศษๆ โทรมหน่อยก็โอเค ขอซุกหัวนอนได้เป็นพอ แต่พอเปิดแอร์เท่านั้นแหละค่ะ.....
กึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงแอร์ดังรัวสนั่นหวั่นไหว อย่างกับมีสว่านไฟฟ้าเจาะห้องตลอดเวลา เสียงดังมาก ฟังแค่นาทีเดียวยังทนไม่ได้ คืนนี้นอนห้องนี้ไม่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์...มาเที่ยวนะ..ไม่ใช่มาแข่งความอดทน!!
สถานการณ์ในตอนนั้น เรารู้มาว่าห้องพักของที่นี่เต็มหมดแล้ว เปลี่ยนห้องไม่ได้แน่นอน และถ้ามัวรอตามช่างมาซ่อม เราคงไปเที่ยวตอนบ่ายไม่ได้ เพราะกังวลต้องอยู่รอดูช่าง..... ต้องมาเสียเวลา เสียสุขภาพจิต
อาการแอร์ดังก็ไม่ใช่อาการที่แก้ง่ายๆ ไม่มีอะไรรับประกันว่าคืนนี้แอร์จะไม่ดังขึ้นมาซ้ำอีก และถ้าแอร์ดังตอนกลางคืน จนรู้สึกอยากจะเปลี่ยนที่พัก คงจะสายไปแล้ว เพราะจะหาที่พักใหม่ลำบาก.....
N ลองออกไปตามช่าง ปรากฎว่า รออยู่เกือบชั่วโมง ช่างก็ไม่แม้แต่จะโผล่มาสักคน มารู้ทีหลังว่า
...ช่างกำลังซ่อมห้องอื่นอยู่เหมือนกัน...
อะไรวะ เสียพร้อมกันหลายห้องในคราวเดียว แค่นี้ก็บ่งบอกแล้วว่า "บ้านไร่เครือวัลย์" มันเป็นที่พักแบบไหน?
งกเงินค่าปรับปรุงห้องพัก เอาแอร์เก่ามาใช้ซ้ำซาก แทนที่จะปิดห้องพักเพื่อปรับปรุง ดันงกเงินเอาห้องชำรุดมาให้แขกพัก สมมติทีวีพัง กูยังรับได้ แต่แอร์เสียงดัง นี่มันเข้าขั้นนอนไม่ได้!!!
ที่พักที่นอนไม่ได้นี่มันอะไรกัน...แถมยังพูดจาแย่ๆบังคับแขกให้จ่ายเงินค่าของขวัญและกินอาหารของที่พัก...
กูไปมา 8 ประเทศ เที่ยวอีกหลายที่ในไทย ที่พักอื่นที่เค้าถูกกว่านี้ ยังไม่ทำตัวแย่ขนาดนี้!!!
ใครจะทนได้ก็ทนไป... แต่กูไม่...พวกกูจะไม่ยอมถูกร้านค้าและบริการเอาเปรียบ!!!
"ต้องเปลี่ยนที่พักเท่านั้น.... ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว !!!!!!"
เราจองห้องตั้งแต่ 2 อาทิตย์ก่อน ทางโรงแรมกลับไม่ตรวจเช็คสภาพห้องให้ดีแต่แรก ดันเอาห้องแอร์ดังมาให้เรา!!! ต้องขอเงินคืนทั้งหมดและเปลี่ยนที่พัก....
คุณๆที่อาจจะเคยเจอเรื่องแบบนี้ เราแนะนำว่าอย่าไปยอม อย่าเอาแต่คิดว่าจะเสียโง่เพื่อไปโพสต์บ่นระบายตามเว็บบอร์ด มนุษย์เรามีสิทธิ หากพบเจอการเอาเปรียบ พบเจอความไม่ยุติธรรม เราต้องต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง
เราเก็บข้าวของทันที และไปติดต่อที่เคาเตอร์เช็คอินเพื่อขอคืนห้องและขอเงินคืนทั้งหมด
พนักงานทำหน้าจ๋อยๆ บอกว่า"คืนเงินมัดจำไม่ได้"
สักพักก็ไปเรียกอาเจ้อีกคนมา ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของหรืออะไร แต่ท่าทางจะใหญ่โตของที่นี่
มันก็ขึ้นเสียงแข็ง เถียงฉอดๆๆ อ้างว่าไม่มีโรงแรมที่ไหนเค้าคืนเงินมัดจำหรอก...
อ้าว พูดงี้ก็สวยสิ มึงเก็บมัดจำ สัญญากูว่ามันนอนได้ แต่นอนไม่ได้แบบนี้ ยังเอาเงินกูไป
เค้าเรียกสิบแปดมงกุฎแล้วโว้ย!!
มันยืนกรานจะไม่ยอมคืนเงินเรา อ้างว่าทางที่พักไม่รู้เรื่องแอร์มาก่อน เพราะแขกที่พักเมื่อคืนก็ไม่ได้บอกอะไร
บอกให้เรารอช่าง เราบอก เราไม่รอ เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าจะซ่อมได้จริง และที่พักควรจะซ่อมตั้งแต่ก่อนที่เราจะเข้าพัก จะแลกห้องก็ไม่ได้ เที่ยวไหนก็ผิดแผนหมด ยังงี้มันเอาเปรียบผู้บริโภค
"ถ้าคุณคิดว่าเรื่องแค่นี้เอง คุณมานอนเองมั้ย เอาห้องคุณในรีสอร์ทมาแลกกับห้องนี้ คืนนี้คุณก็นอนนี่เองนะ?
คุณยังมีจริยธรรม ยังมีความเป็นคนอยู่มั้ย หากินกันแบบนี้เหรอ งกเงินมากเหรอ "
ทางที่พักยอมคืนเงินทั้งหมดแต่โดยดี...ซึ่งดีแล้วล่ะ เพราะอันที่จริงเรามีแผนสำรอง ถ้าไม่ยอมคืนเงินทั้งหมด เราจะแจ้งตำรวจให้ตำรวจมาถึงรีสอร์ท ให้ตำรวจไกล่เกลี่ยและลงบันทึกประจำวัน โวยวายให้แขกที่มาพักทุกคนได้ยิน เราจะทำให้งานปีใหม่ของที่นี่กร่อยไปเลย !! จะได้ให้แขกทุกคนมันรู้ไปเลยว่าบ้านไร่เครือวัลย์มันแย่แค่ไหน !
ก็คุณอยากมาเอาเปรียบผู้บริโภคทำไม??? คราวหลังปรับปรุงตัวนะ... ถ้าเจอเคสแบบนี้คุณควรเสนอที่จะคืนเงินอย่างสุภาพ ไม่ใช่มาขึ้นเสียงแข็งเถียงฉอดๆๆใส่แขก แถมยังดูถูกแขกอีก
เงินกูก็มีเว้ย ยอมจ่ายแพงกว่านี้เพื่อจะพักในที่ดีๆกว่าที่ของมึง ไม่ต้องมาดูถูกแขกหรอกนะ !
----------------
หลังจากออกมาจากที่นั่น ก็เริ่มปฏิบัติการหาที่พัก
จากประสบการณ์ในการท่องเที่ยว ดูจากสภาพความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยว และตามถนนหนทาง มวกเหล็กคงไม่ใช่ที่ที่นิยมในการไปเที่ยวในช่วงปีใหม่
เราคำนวนได้ว่า ที่พักน่าจะยังพอหาได้..
อยู่ๆก็นึกถึงขึ้นมาว่า ร้าน Route 2089 ขึ้นป้ายไว้ว่า "มีที่พัก สนใจติดต่อด้านใน"
เราจึงทดลองเสี่ยงดู โดยกลับไปที่ร้าน Route 2089 อีกครั้ง เดินเข้าไปที่เคาเตอร์กาแฟ พนักงานยิ้มอย่างอ่อนโยน ต่างกับบ้านไร่เครือวัลย์เมื่อกี้ลิบลับ
"เอ่อ...ที่นี่ยังมีห้องพักว่างอยู่มั้ยคะ"
"ยังมีว่างอยู่ค่ะ คืนละ 1,500 บาท ฟรีอาหารเช้า เดี๋ยวจะพาไปชมห้องพักนะคะ" พนักงานหญิงตอบสุภาพเรียบร้อยมากๆ
เราก็อึ้งดิ..เฮ้ย ร้าน Route 2089 ดูไฮโซ สะอาด หรูหรา สวยงามมากๆ บริการดีเยี่ยม
บ้านพักคืนละ 1,500 บาท เหมือนฝันเลย..
ขอแค่ห้องเล็กๆก็พอใจแล้วล่ะ
พนักงานพาไปชมห้องพัก โดยเดินออกด้านหลังร้าน
ปรากฎว่า ที่พักของเราคืนนี้ เป็น..."บ้าน Ducati" ค่ะ.....
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่มันสวรรค์ชัดๆ คนชอบมอเตอร์ไซค์ได้นอนในบ้าน Ducati
ชั้นหนึ่ง เป็นห้องเก็บของและลานจอดรถ ที่พักอยู่ชั้น 2 ซึ่งประกอบไปด้วยห้องพัก 2 ห้องและห้องใต้หลังคาอีกหนึ่งห้อง
สิ่งที่สุดยอดคือ มันเป็นบ้านพักหลังใหญ่ ที่มีห้องพักอยู่ 3 ห้อง แต่ในเวลานั้น ไม่มีคนมาพักเลย พวกเราจึงรู้สึกราวกับว่าได้พัก"บ้านทั้งหลัง"ในราคาแค่คืนละ 1,500 บาท ฟรีอาหารเช้า (ถ้าเหมาทั้งหลัง 3,500บาท นอนได้สิบกว่าคน) นอกจากนี้ บ้านพักที่นี่ยังสามารถเอาอาหารสดมาทำอาหารตั้งเตาเองได้ด้วยนะ ถ้ามากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ คงจะสนุกมาก
ดูเหมือนว่า ร้าน Route 2089 จะไม่ได้โฆษณาที่พักอะไรมากมาย จึงทำให้ที่นี่ไม่เป็นที่รู้จักและไม่ค่อยมีคนมาพัก แต่ถ้าใครรู้ว่ามีห้องพักหรู วิวสวย ใกล้น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ราคา 1,500 บาท ฟรีอาหารเช้า บริการอย่างกับโรงแรมห้าดาว ที่นี่จะต้องมีคนพักเต็มแน่ๆ
นับว่าเป็นโชคดี...โชคดีไม่มีขาย...อยากได้ต้องไขว่คว้าเอง
ถ้าไม่ต่อสู้เรื่องที่พักแย่ๆเมื่อกี้ ก็จะไม่เจอห้องดีๆ กับความทรงจำดีๆ
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส....
พื้นที่ในห้องพักอาจไม่กว้างขวาง ถ่ายรูปเต็มๆไม่สะดวก แต่ดูหรูหราและอยู่สบาย เตียงนุ่มฟูมากๆ
ห้องค่อนข้างเล็ก แต่ตกแต่งได้เรียบหรู ดูดี มีโปสเตอร์นักแข่งมอไซค์ด้วย!
นักแข่งMotoGP ชื่อดัง Casey Stoner รถจากค่ายดูคาติ
ตัวในรูปไม่รู้โมเดลไหน ไม่แน่ใจว่าใช่ Ducati Desmosedici GP10 “CS1”ไหม
โซฟาแบบพับได้ เอาไว้นั่งหรือวางของ คาดว่าตรงนี้สามารถนอนเพิ่มได้อีกคนเลย
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สิ่งที่น่าตกใจคือ
มีเครื่องเล่น DVD โดยในลิ้นชักมีแผ่นหนังดังๆให้ดูเต็มไปหมดเลย ไม่กลัวขโมยเลยเหรอ
ขนาดห้องน้ำยังออกแบบสีสันสไตล์สนามแข่ง
มีพื้นเป็นลายตารางหมากรุกแบบสนามแข่งและใช้โทนสีแดง-ขาว-ดำ
ห้องพักมีหน้าต่างเยอะมาก ชมวิวได้รอบด้าน เห็นทุ่งหญ้าและภูเขา
ถ่ายจากในห้องออกไปข้างนอก สามารถตากแอร์ เปิดม่าน ชมวิว บนเตียงนอนได้เลย
แอบไปถ่ายรูปห้องข้างๆที่ว่างอยู่ ห้องนี้เป็น Ducati วุ้ย
ตรงกลางบ้าน มีบันได้ขึ้นห้องใต้หลังคาแบบบ้านฝรั่ง เก๋สุดๆไปเลย
แอบปีนขึ้นไปดู
ห้องใต้หลังคาจะไม่มีแอร์ แต่สามารถนอนได้อีกราวๆ 5-6คน เหมาะกับเพื่อนๆมาสังสรรค์มากๆ
เฮ้ย ! ม้า....!!!!
มีม้ามากินหญ้าถึงหน้าบ้าน!!!
ที่นี่เลี้ยงม้าให้เดินไปเดินมาในรีสอร์ทอย่างใกล้ชิด เขาบอกว่าเลี้ยงไว้ดูเล่น
บางทีม้าก็เดินไปจนถึงร้านกาแฟด้านหน้าเลย
เหตุการณ์ระทึกขวัญระหว่างออกทริป.....
เรื่องมันมีอยู่ว่า....
เมื่อเราได้เข้ามาพักที่บ้านนี้ หลังจากวางสัมภาระไว้ในห้อง
N เดินไปห้องน้ำ เขาก็ได้พบอะไรบางอย่าง
ด้านนอกหน้าต่างเหนือชักโครก ด้านนอกมีตาข่ายดักนก และมีรังแตนอยู่ขอบหน้าต่าง
"มีนกพิราบติดอยู่ในตาข่ายดักนกที่ข้างหน้าต่างล่ะเธอ...น่าสงสารจัง"
"ไหน?? มองไม่เห็น...ไม่เห็นมี" ฉันชะเง้อคอดู
"เธอเตี้ยกว่าฉัน เธอเขย่งมองไม่เห็นหรอกเท่าฉันหรอก ต้องเหยียบโถส้วมขึ้นไปชะโงกดู....แต่...ฉันว่าเธออย่าดูเลยดีกว่า...มันไม่น่าดูหรอก"
"ทำไมล่ะ?? มันตายแล้วเหรอ????"
"ไม่หรอก...ยังไม่ตาย...เมื่อกี้ฉันยังเห็นกระพริบตาอยู่นะ"
"ถ้ามันยังไม่ตาย เราต้องช่วยมันให้ถึงที่สุด!!!"
ฉันรีบปีนขึ้นโถส้วม ชะเง้อดูนอกหน้าต่าง เห็นนกพิราบติดตาข่ายดักนกอยู่ในท่าพิสดาร ยิ่งดิ้นตาข่ายก็ยิ่งพันตัวยุ่งเหยิงมากขึ้น นกยังกะพริบตาอยู่ และมองมาทางนี้อย่างน่าเวทนา
ตาข่ายดักนกมักจะมีตามหน้าต่างบ้านของฝรั่งเพื่อป้องกันนกทำรัง นกพิราบตัวนี้คงบินมาติดแล้วออกไม่ได้มานานพอสมควร จากมุมข้างหน้าต่างนี้ค่อนข้างเป็นมุมอับสายตา เรามั่นใจว่าจะไม่มีใครคนอื่นเห็นนกพิราบและช่วยมันได้อีกนอกจากเรา ถ้าเราไม่ช่วย นกพิราบตัวนี้จะต้องอดอาหารตายหรือขาดอากาศตายอย่างทรมาน
รูปถ่ายนกพิราบ ตอนเอาตาข่ายออกหมดแล้ว ก่อนหน้านั้นมันฉุกละหุกมาก ยังไม่คิดจะถ่ายรูป
ฉันเปิดมุ้งลวดหน้าต่างห้องน้ำออก ขอบหน้าต่างด้านบนมีรังแตนที่ยังมีตัวอยู่ด้วย แต่ตอนนั้นตัวแตนออกไปหาอาหารยังไม่กลับรัง ฉันก็เสี่ยงเปิดหน้าต่างแล้วใช้ไม้เซลฟี่ยาวๆเกี่ยวตาข่ายดักนกเข้ามาใกล้ๆจนคว้าตาข่ายเอาไว้ได้แล้วดึงเข้ามา หวังว่าจะแกะตาข่ายออกได้ แต่ก็พบว่าตาข่ายพันตัวนกยุ่งเหยิงไปหมด ไม่มีทางแกะออกตามปกติได้
"เธอ!!..ใช้คัตเตอร์นี่..." N ยื่นคัตเตอร์ให้ฉัน
ฉันใช้คัตเตอร์ค่อยๆตัดตาข่ายออก และค่อยๆแกะออกจากตัวนก ใช้มือซ้ายรวบจับบริเวณตัวนกและปีกของนก ใช้มือขวาค่อยๆตัดตาข่ายออกทีละส่วน ในใจก็รู้สึกผิดกับที่พัก เพราะไปตัดตาข่ายของเขา แต่คงไม่เป็นไรเพราะถ้านกตายกลายเป็นซากติดอยู่ ปกติเค้าก็ต้องตัดตาข่ายเอาออกอยู่แล้ว
เมื่อฉันตัดตาข่ายไปเรื่อยๆ แตนก็กลับมาที่รังพอดี
"เฮ้ย!!!...เธอ....ระวังแตน!!!" Nตะโกน
อีกแค่นิดเดียวฉันจะตัดตาข่ายสำเร็จ แต่ก็มีแตนอยู่บนหัวของฉันในรัศมีไม่เกิน 30 เซ็น แตนอาจจะโกรธและต่อยฉันได้ แต่ตอนนั้นฉันกำลังมีสมาธิมาก หัวใจระทึกอย่างกับอยู่ในรายการเรื่องจริงผ่านจอ
- ถ้าฉันจับตัวนกไม่ดี นกอาจจะดิ้นและพันตาข่ายหนักกว่าเดิม
- ถ้าตัดตาข่ายแล้วนกร่วงลงไป นกก็จะหล่นลงไปตายทั้งๆที่มีตาข่ายพันตัว หรือแม้จะตกลงพื้นแล้วไม่ตาย ก็ออกหากินไม่ได้และตาย
- ถ้าแตนโกรธ ฝูงแตนจะรุมต่อยหน้าฉัน อันตรายมาก
- แต่ถ้าไม่ช่วยนก นกก็ตาย
ฉันตัดตาข่ายได้สำเร็จ รีบคว้านกเข้ามาและปิดหน้าต่างห้องน้ำ จากนั้นอุ้มมาไว้ที่หน้าบ้าน จับตัวเค้าไว้ไม่ให้ดิ้นและให้ N ค่อยๆเอาคัตเตอร์ตัดตาข่ายที่พันตัวนกออกจนหมด
ตาข่ายออกไปหมดแล้ว
ระหว่างตัดตาข่ายตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย
นกพิราบไม่ได้ดิ้นหนักๆหรือจิกฉัน ราวกับรู้ว่ามาช่วยชีวิตเค้า
ฉันค่อยๆวางนกพิราบลงกับระเบียงหน้าบ้าน
ใจหนึ่งกลัวว่านกจะตกใจและกระพือปีกบินชนนู่นนี่
อีกใจหนึ่งกลัวว่าเค้าจะบาดเจ็บจนบินไม่ได้
เมื่อนกพิราบขาถึงพื้นระเบียงหน้าบ้าน
เค้าไม่ได้บินในทันที
แต่เค้าค่อยๆเดินเตาะแตะออกไปช้าๆจนถึงขอบระเบียง
และหันมามองทางนี้เป็นครั้งสุดท้าย
เจ้านกพิราบ สยายปีกบินออกไป
โผไปเกาะหลังคาโรงม้า และหันมามองทางนี้ พร้อมกับไซร้ขนตัวเองไปด้วย อยู่อย่างนั้นราวครึ่งชั่วโมง
ก่อนจะโผบินลับฟ้าไป
รู้สึกได้ถึงคำว่า"ขอบคุณ"
รู้สึกสุขใจที่ได้ช่วยชีวิตน้อยๆหนึ่งชีวิต
--------
จากนั้น แดดยามบ่ายเริ่มร่มลงนิดหน่อย ตามกำหนดการ
ได้เวลาออกเดินทางไปชมวิวที่เขื่อนป่าสัก จ.ลพบุรี
ออกมาหน้าร้าน เอ๊ะ ดอกอะไรสีขาวๆ สวยจัง ขึ้นเรียงรายตามถนนในมวกเหล็ก
ต้นอะไร ทางเราก็ไม่ทราบชื่อ ใครรู้ช่วยบอกที
ซูมเข้าไปดูใกล้ๆ...อ้าว!!....ไม่ใช่ดอก...ใบไม้นี่หว่า!!!...ใบไม้สีขาวทั้งต้น!!!
สวยจัง...เซลฟีซะเลย...แชะ!
เอ้า ออกเดินทางต่อ....
ถนนมวกเหล็ก คดเคี้ยว สวยงาม
ที่พักอยู่ใกล้ๆ อุโมงค์ต้นไม้
อุโมงค์ต้นไม้ คือ ปรากฎการณืธรรมชาติที่ต้นไม้ยืนต้นจากสองฝั่งของถนนโค้งเข้าหากันตลอดแนวของถนนจนเกิดเป็นอุโมงค์ มีความสวยงามมากๆ ผู้คนนิยมไปจอดถ่ายรูป
อันที่จริงคือรถไหลลงจากเนินเขาตามปกติ แต่ถนนมีลักษณะแบบภาพลวงตา ทำให้รู้สึกว่ารถไหลขึ้นข้างบน
อยากรู้ ลองหาข้อมูลเพิ่ม หรือ ถ้าผ่านมาทางนี้ ลองแวะมาเล่นดูนะ
ออกเดินทางต่อสู่ เขื่อนป่าสัก จ.ลพบุรี
ถึงบริเวณหน้าเขื่อนป่าสักแล้ว โอ้โห ไร้ความเงียบสงบสิ้นดี มีตลาดนัดหน้าเขื่อน คนแน่นเป็นหนอน
ถัดจากเต๊นท์ ก็มีเต๊นท์ ....
ส่วนตัว เราว่าช่วงเวลาที่ใดที่มีคนแน่นๆ ที่นั่นจะไม่เหมาะกับกับการกางเต๊นท์นะ
เพราะเต๊นท์มันคือการพักผ่อนที่ใกล้ชิดธรรมชาติ
แต่ไอ้นี่มันไม่ธรรมชาติแล้ว มันต้องเผชิญกับเสียงนอนกรน เสียงเพลงดังๆ เสียงโวยวาย และขยะ...
ช่วงหน้าเทศกาล จะกางเต๊นท์ที่ไหน ต้องหาข้อมูลดีๆนะคะ ที่ไหนฮิตๆที่นั่นอาจจะไม่สนุกนะ
อย่างเช่น ที่นี่เป็นต้น....
แต่ถ้ามาช่วงไม่ค่อยมีคนล่ะก็...สวรรค์เลยล่ะ
ถ่ายกับป้ายเขื่อนปัจจุบัน
จริงๆอยากจะเข้าไปถ่ายด้านในเขื่อน แต่ปัจจุบันเค้าไม่ให้เอารถเข้าไปถ่ายแล้ว ...อด
เขื่อนสวยมากๆ
ถ่ายคู่กันหน่อย
ริมเขื่อนถูกกางเต็นท์จองที่จนแน่น ค่อนข้างหนวกหู
มาเพื่อดูแค่นี้แหละ เฮ้อ ผ่อนคลาย
เขื่อนป่าสัก สวยจริงๆ
แล้วเราก็เดินทางกลับมาพักผ่อนที่พัก
รอชมวิว พระอาทิตย์ตกดิน หน้าบ้าน อิอิ
อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ จากราวๆ 24-26 องศา
เริ่มเข้าสู่ 17-22 องศา
ถ่ายพาโนรามาจากหน้าบ้าน
มุมจากบนเตียงนอนภายในห้องพัก ชมพระอาทิตย์ตกดิน โรแมนติกสุดๆ !
ใจละลาย สวยมากๆเลย
โรแมนติกจังเลย นั่งฟินเป็นชั่วโมงๆ
ระเบียงหน้าบ้าน อย่างกับร้านอาหาร ถ้ามากับเพื่อนฝูงเยอะๆคงจะสนุก
สวยเหลือเกิน
มื้อเย็น... ไม่ต้องออกไปกินที่ไหนก็ได้ ที่นี่มีบริการส่งอาหารถึงห้องพัก ให้นั่งกินกันในบ้านพักสบายๆเลย
สั่งอาหารไทยธรรมดาๆ น่ากินสุดๆ
ทางที่พัก ยกน้ำแข็งมาให้แบบนี้เลย มาเป็นกระติก สุดยอด
ตอนกลางคืน นั่งชมวิวชมบรรยากาศหน้าบ้าน ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพิ่ม เพราะถ่ายด้วยกล้องมิอถือ ถ่ายไปคงไม่เห็นอะไรมากนัก แต่จากวิวที่เรานั่งเล่นหน้าบ้านนั้น จะมองเห็นบ้านไฮโซที่เล่นดอกไม้ไฟกัน ทำให้ได้ดูดอกไม้ไฟสวยๆตลอดการเคาท์ดาวน์ในค่ำคืนนี้
ข้างนอกอากาศหนาวมาก ไม่ใส่เสื้อกันหนาวไม่รอดแน่
วันนี้เป็นวันที่มีเรื่องราวมากมาย และจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง นอนหลับสบายสุดๆ
สำหรับ Part นี้ ขอจบแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ
พบกันต่อ Part 2 - เยือนอำเภอปากช่อง พาโนราม่าเขาใหญ่ , Palio , Primo Piazza , Dairy Home
ลิงค์ >> http://journeyofmumu.blogspot.com/2016/01/2016-part-2-panorama-palio-primo-piazza.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น